Transparent Sexy Pink Heart
► ヾ(●゜ ゜)ノ Welcome eveyone to Korean town ◎○●~

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Korean "DO" & Korean "DON’ T"

การทักทาย

Korean DO

        การกล่าวคำทักทาย และคำขอบคุณต้องก้มหัวคำนับเสมอการโค้งต่ำระดับไหนนั้นขึ้นอยู่กับความอาวุโสของอีกฝ่าย

Korean DON’ T 

        ทักทายด้วยการโอบกอดในที่สาธารณะ นอกเสียจากเพื่อการล่ำลา



การเรียกผู้อื่น
Korean DO

        • การเรียกคนที่ไม่รู้จักกัน หรือไม่รู้จักชื่อบางคนจะใช้คำพูดที่เป็นการเกริ่นนำขึ้นมาก่อนไม่ได้มีคำเรียกบุคคลนั้นตายตัว (เช่น ขอโทษนะคะ,ไม่ทราบว่า) แต่บางคนจะมีคำสรรพนามที่สามารถใช้เรียกได้เลย (เช่น คุณลุง, คุณป้า)  
        • การเรียกคนที่มีอายุมากกว่า จะไม่เรียกชื่อเขา แต่จะใช้สรรพนามให้ เหมาะสมกับเขาคนนั้น (ซึ่งแบ่งตามเพศและสถานภาพ) แต่ถ้าเรียกคนที่มีอายุน้อยกว่า หรือเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน สามารถเรียกชื่อได้ หรืออาจใช้สรรพนามแทนก็ได้เช่นกัน  
        •  เรียกชื่อจริงเฉพาะกับเพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัวเท่านั้น  
        • การเรียกผู้อาวุโสในสำนักงาน อาจเติมคำว่า “นิม ” ต่อท้ายตำแหน่งหน้าที่การงานของบุคคลนั้นหรือเติมคำว่า “ชี ” ต่อท้ายชื่อเต็มของเพื่อนร่วมงาน เพื่อความสุภาพมากขึ้น

Korean DON’T

        • เรียกคนที่ไม่รู้จักกัน หรือไม่รู้จักชื่อ ว่า “นอ ” ที่แปลว่า You ในภาษาอังกฤษเพราะเป็นคำที่ใช้เรียกกันเฉพาะในหมู่เพื่อนหรือคนสนิทเท่านั้น  
        • เรียกผู้อาวุโสกว่าด้วยชื่อจริง หรือ นอ    
        • เรียกชื่อจริงของบุคคลผู้ที่เราไม่ได้รู้จักกันเป็นอย่างดี เช่นเพื่อนร่วมงาน, หัวหน้า ฯลฯ



การรับประทานอาหาร
Korean DO

        • ใช้ตะเกียบโลหะกับช้อนยาวโดยใช้ช้อนรับประทานข้าวซุป และสตูว์ และใช้ตะเกียบกับเครื่องเคียงแบบอาหารแห้ง  
        • เคี้ยวอาหารเสียงดังๆ เพื่อแสดงความอร่อย (คล้ายวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่น)    
        • วางช้อนและตะเกียบลงบนโต๊ะเมื่อทานเสร็จแล้ว  
        • น้อมรับคำชมเกี่ยวกับรสชาติอาหารและบริการ  
        • ผู้น้อยต้องรอให้ผู้อาวุโสที่สุดเป็นฝ่ายบอกเริ่มการรับประทานอาหารเสมอ
        •เมื่อมีคนรินเครื่องดื่มให้ก็ควรรินกลับเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ  
        • ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดต้องเป็นคนรินเครื่องดื่มให้ผู้อาวุโส กว่าเสมอและต้องรินด้วยสองมือ

Korean DON’T

        • ใช้ช้อนและตะเกียบพร้อมกัน  
        • ปักตะเกียบไว้ในชามข้าว เพราะถือว่าเป็นการเซ่นไหว้คนตาย
        • ยกจานหรือชามขึ้นมาขณะรับประทานอาหาร
        • การพูดคุยระหว่างมื้ออาหารที่มากเกินไป
        • แชร์ค่าอาหาร (ยกเว้นในกรณีพิเศษ)
        • การสั่งน้ำมูกในโต๊ะอาหาร
        • ลุกจากโต๊ะอาหารก่อนที่ผู้อาวุโสที่สุดจะรับประทานเสร็จ
        • รินเครื่องดื่มให้ผู้อื่นขณะที่เครื่องดื่มในแก้วยังไม่หมด

*****  ครอบครัวเกาหลีนิยมรับประทานข้าว ซุปและเครื่องเคียงอีกสามสี่อย่างรวมทั้งกิมจิมีการจัดเรียงจากซ้ายไปขวาของผู้รับประทาน ดังนี้ ข้าว ซุป ช้อน และตะเกียบส่วนสตูและเครื่องเคียงอื่นๆ จะวางกลางโต๊ะ รับประทานกับผู้อื่น ชาวเกาหลีเชื่อว่าการรับประทานอาหารร่วมจานกันจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ แต่หากต้องการจานชามส่วนตัวก็สามารถขอได้และทุกวันนี้ร้านอาหารเกาหลีก็จะจัดชุดจานเฉพาะบุคคลให้



การแสดงออก
Korean DO

        • การจับมือทักทายกันอย่างสุภาพ  
        • โอบกอดในที่สาธารณะะทำเฉพาะกรณีเพื่อการร่ำลา  
        • แสดงออกอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน  
        • ชาวเกาหลีจะแสดงแสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวังรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเกิดการเข้าใจหรือตีความหมายผิด

Korean DON’T

        • การแสดงความรักระหว่างเพศในที่สาธารณะ (เช่น กอด, จูบ)  
        • ถูกเนื้อต้องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณศีรษะ นอกจากจะแสดงความเอ็นดูต่อเด็กเล็กๆ เท่านั้น
        • คุยโวโอ้อวดความสามารถของตนเอง  
        • แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา  
        • ทิ้งขยะบนท้องถนนเพราะค่าปรับแพง



การใช้มือ
Korean DO

        • สิ่งของจากผู้ใหญ่ ด้วยสองมือ  
        • มอบสิ่งของให้ผู้ใหญ่ ด้วยสองมือ

Korean DON’T

        •  รับสิ่งของจากผู้ใหญ่ ด้วยมือเดียว  
        • มอบสิ่งของให้ผู้ใหญ่ ด้วยมือเดียว



การไปเยี่ยมบ้านผู้อื่น
Korean DO

        • ถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน เนื่องจากตามประเพณีดั้งเดิมคนเกาหลีนั่งรับประทานอาหาร และนอนบนพื้น
        • สวมถุงเท้า หรือถุงน่อง

Korean DON’T

        • ใส่รองเท้าเข้าบ้าน  
        • เดินหรือนั่งเท้าเปล่าต่อหน้าผู้ใหญ่ หรือผู้อาวุโส



การปฏิเสธ
Korean DO

        ใช้วิธีการพูดแบบอ้อมๆ (พูดอ้อมค้อม)

Korean DON’T

        ใช้วิธีการพูดแบบตรงไปตรงมา


อื่นๆ
Korean DO

        • ในเกาหลี การให้ทิป ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะตามโรงแรม และร้านอาหารจะบวกค่าบริการ(Service Charge) ไว้แล้ว 5 – 10% ของค่าอาหาร หรือห้องพัก  
        • ค่าเลี้ยงสุนัขที่เกาหลีใต้ค่อนข้างแพง ถ้าหากจูงสุนัขไปเดินเล่นตามถนน แล้วสุนัขอึเราต้องทำการเก็บทำความสะอาด มิฉะนั้นต้องเสียค่าปรับ  
        • ตามร้านมินิมาร์ทที่เกาหลีใต้ เวลาซื้อของ เขาจะไม่ใส่ถุงให้ ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก หากต้องการถุง เขาจะคิดเงินเพิ่ม 100 วอน แต่ก็มีบางร้านที่ให้ถุงโดยไม่ต้องจ่ายเงิน  
        • ประเทศเกาหลีใต้ มีระบบตรวจจับคนที่ขับรถผิดกฎจราจร ซึ่งทางตำรวจจะส่งหลักฐานมาถึงบ้านเพื่อแจ้งเรื่อง ความเร็ว, เวลา, ทะเบียนรถยนต์ และผู้ทำผิดกฎจราจรต้องไปเสียค่าปรับที่โรงพักเอง  
        • ผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้ว จะไม่เปลี่ยนไปใช้นามสกุลของสามี แต่จะยังคงใช้นามสกุลของตนตามเดิม ส่วนบุตรธิดา จะใช้ชื่อสกุลของบิดา  
        • ชาวเกาหลี มีความคิดที่ว่าการถามคำถามอย่าง “คุณอายุเท่าไร ?”  “คุณแต่งงานแล้วหรือยัง ?”หรือ “ทำไมคุณถึงมาที่เกาหลี ?” จะช่วยให้เกิดความใกล้ชิดและมิตรภาพที่ดีขึ้น ดังนั้น จึงไม่แปลก หากชาวเกาหลีจะถามอายุของเรา เพราะเขาจะได้รู้ว่าควรจะใช้คำพูด ในการคุยกับเราอย่างไร



ภาษาเกาหลีเบื้องต้น

อักษรเกาหลี

        อักษรเกาหลี เรียกว่าอักษรฮันกึล โดยผิวเผินแล้ว อักษรฮันกึลคล้ายกับอักษรรูปภาพเหมือนอักษรจีน แต่จริงๆ แล้ว อักษรฮันกึลอยู่ในระบบอักษรแทนเสียง (ตัวพยัญชนะเป็นอักษรรูปภาพเลียนแบบอวัยวะการออกเสียงในขณะที่ออกเสียงนั้นๆ สระเป็นอักษรรูปภาพใช้แนวคิดเชิงปรัชญา เกี่ยวกับ ท้องฟ้า พื้นดิน และมนุษย์)คือประกอบด้วยพยัญชนะและสระ ซึ่งมีทั้งหมด 24 ตัว ประกอบด้วย

พยัญชนะ 14 ตัว คือ ㄱ ㄴ ㄷ ㄹ ㅁ ㅂ ㅅ ㅇ ㅈ ㅊ ㅋ ㅌ ㅍ และ ㅎ

สระ 10 ตัว คือ ㅏ ㅑ ㅓ ㅕ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ ㅡ และ ㅣ

        พยัญชนะและสระดังกล่าวเรียกว่า พยัญชนะเดี่ยว และสระเดี่ยว ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่าพยัญชนะซ้ำ และสระประสมด้วย คือ

พยัญชนะซ้ำ 5 ตัว ได้แก่ ㄲ ㄸ ㅃ ㅆ และ ㅉ

สระประสม 11 ตัว ได้แก่ ㅐ ㅒ ㅔ ㅖ ㅚ ㅟ ㅘ ㅙ ㅝ ㅞ และ ㅢ

        อักษรเกาหลีมีลำดับการเขียนคล้ายอักษรจีน คือ ลากจากบนลงล่าง และจากซ้ายไปขวา นอกจากนี้การเขียนพยางค์หนึ่งๆ จะเริ่มเขียนจากพยัญชนะต้น ไปสระ และตัวสะกดตามลำดับ


พยัญชนะ

        พยัญชนะบางตัวเช่น ㅂㅈㄱ เมื่ออยู่หน้าคำ (พยางค์แรกของคำ) จะออกเสียงเป็น พ, ช, ค ตามลำดับ หากไม่ได้อยู่ในพยางค์แรกจะอ่านเป็น บ, จ, ก เป็นต้น พยัญชนะที่กำกับดอกจันไว้หมายถึงพยัญชนะเสียงหนัก

        สำหรับ ㅇ เมื่อเป็นพยัญชนะต้นแต่มีคำอื่นมาก่อน จะนำพยัญชนะสะกดของคำก่อนหน้ามาเป็นเสียงพยัญชนะต้นดูที่การอ่านโยงเสียง


สระ

        สระเกาหลีไม่เหมือนภาษาไทยซึ่งมีเสียงสั้นเสียงยาวแยกกัน เช่น สระอิ หรือ สระอี จะรวมเป็นสระเดียว คือ /i/ แต่จะเป็นเสียงสั้นหรือเสียงยาวนั้นขึ้นอยู่กับการเน้นเสียง แม้คำที่เขียนเหมือนกันแต่อ่านด้วยเสียงที่ต่างกัน ความหมายก็อาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 


ตัวสะกด

        แม้พยัญชนะเกาหลีจะมีหลายตัว และแต่ละตัวเสียงแตกต่างกัน แต่เมื่อนำมาใช้เป็นตัวสะกดแล้ว จะมีทั้งหมด 7 แม่เท่านั้น จะเห็นว่าคล้ายคลึงกับภาษาไทย โดยที่ต่างออกไปคือ เสียง "ล" เมื่อนำไปเป็นตัวสะกดแล้วจะไม่ใช่เสียง "น" นอกจากนี้อาจพบตัวสะกดแบบที่มีพยัญชนะสะกดสองตัว เช่น 여덟, 앉다 ฯลฯ ตัวสะกดลักษณะนี้จะเลือกออกเสียงเฉพาะตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น และอีกตัวจะไม่ออกเสียง เช่น 여덟 อ่านว่า /ยอ-ดอล/ ไม่ใช่ /ยอ-ดอบ/ การที่จะทราบว่าตัวสะกดคู่จะออกเสียงพยัญชนะตัวใด แสดงดังตาราง อย่างไรก็ตามมีตัวสะกดคู่บางส่วนที่ออกเสียงไม่แน่นอนขึ้นกับคำ คือ ㄺ และ ㄼ


กฎการอ่านแบบกลมกลืนเสียง

        ในพยางค์ใดที่ลงท้ายด้วยตัวสะกดและพยัญชนะต้นในพยางค์ถัดไปที่ติดกัน เสียงของตัวสะกดจะเปลี่ยนเพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน โดยจำแนกไว้เป็นกฎต่างๆดังต่อไปนี้

1. พยางค์ใดลงท้ายด้วยตัวสะกดในแม่ /ㄱ/, /ㄷ/, /ㅂ/ และพยัญชนะต้นในพยางค์ถัดไปเป็นเสียงนาสิก เสียงตัวสะกดจะเปลี่ยนเป็น /ㅇ/,/ㄴ/,/ㅁ/ ตามลำดับ เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน

ตัวอย่างเช่น

집는다 -> /짐는다/ เขียนว่า "ชิบนึนดา" แต่จะอ่านเป็น "ชิมนึนดา" เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน

받는다 -> /반는다/ เขียนว่า "พัดนึนดา" แต่จะอ่านเป็น "พันนึนดา" เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน

속는다 -> /송는다/ เขียนว่า "ซกนึนดา" แต่จะอ่านเป็น "ซงนึนดา" เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน

        ที่คุ้นเคยกันดีได้แก่ ไวยากรณ์ลงท้ายประโยคอย่างสุภาพ "~습니다" ถึงแม้ว่าจะเขียนเป็น ซึ่บนิดา แต่เพื่อให้เป็นไปตามเหตุผลดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว เราก็จะอ่านว่า ซึมนิดา


ไวยากรณ์

        การวางคำในประโยคภาษาเกาหลีมีลักษณะใกล้เคียงกับการเรียงในภาษาญี่ปุ่นและภาษาตุรกีรวมไปถึงภาษาในประเทศอินเดีย โดยเรียงลำดับคำในประโยคเป็น "ประธาน-กรรม-กริยา" ซึ่งแตกต่างกับประโยคในภาษาไทยที่เป็น "ประธาน-กริยา-กรรม" เช่นประโยค "ฉันกินข้าว" ในภาษาไทย จะเขียนลำดับเป็น "ฉันข้าวกิน" ในภาษาเกาหลี

        ภาษาเกาหลีมีคำช่วยเพื่อบอกหน้าที่ของคำต่างๆ ในประโยค เช่น เป็นคำช่วยที่ใช้วางหลังสถานที่เพื่อระบุตำแหน่ง และ หรือ เป็นคำช่วยที่วางหลังคำเพื่อระบุว่าคำนั้นเป็นประธานของประโยค เป็นต้น นอกจากนี้ภาษาเกาหลียังมีการผันรูปกริยาหลายรูปแบบเพื่อเปลี่ยนแปลงกาลเทศะ เช่น ระดับความสุภาพและความเป็นทางการของประโยค สภาพกาลของประโยคว่าเป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบัน





วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันหยุดและวันสำคัญของเกาหลี


เดือน
วันที่

มกราคม
1
วันขึ้นปีใหม่ (ชินจอง ) วันหยุดสากลเหมือนกับหลายๆ ประเทศ
วันหยุดสากลเหมือนกับหลายๆ ประเทศ
14
Diary Day
-  วันมอบไดอารี่ที่เขียนไว้ 1 ปีให้กับคนรัก / ครอบครัว หรือเพื่อนๆ เพื่อ ให้ระลึกถึงวันสำคัญๆ จะได้ไม่ลืม
ประมาณ
มกราคม - กุมภาพันธ์

วันปีใหม่เกาหลี (ซอลนัล) ตามจันทรคติ
                มีวันหยุดประมาณ 3 วัน เป็นวันที่ชาวเกาหลีให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าวันขึ้นปีใหม่ (1 ม.ค.) ร้านค้า บริษัทต่างๆ จะปิด และประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อไปอยู่กับครอบครัว คำนับผู้อาวุโส และทำพิธีเคารพบรรพบุรุษ อีกทั้งยังจัดงานเลี้ยง พร้อมกิจกรรมต่างๆ มากมาย
กุมภาพันธ์
14
วันวาเลนไทน์
                วันที่หญิงสาวต้องบอกความในใจ และมอบสิ่งของ (ของขวัญ, ลูกอม, ช็อกโกแลต) พร้อมการ์ดให้กับ ชายหนุ่มที่ตนแอบรักหรือชอบ
มีนาคม
1
วันอิสรภาพ (ซัมอิลจอล)
  วันระลึกถึงการประกาศอิสรภาพจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 1919
14
White Day
วันที่ชายหนุ่มต้องบอกความในใจ และมอบสิ่งของ (ของขวัญ, ลูกอม, ช็อกโกแลต)    พร้อมการ์ดให้กับ หญิงสาวที่ตนแอบรักหรือชอบ

เมษายน
5
วันปลูกต้นไม้ (ฉิกมกอิล)
วันที่ผู้คนทั่วประเทศพร้อมใจกันปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปลูกป่า


14
Black Day
กลุ่มที่ผิดหวังจากวันวาเลนไทน์และไวท์เดย์ จะออกมาระบายความอัดอั้นตันใจด้วยสิ่งต่างๆ ที่เป็นสีดำ
   เช่น การแต่งกายด้วยสีดำ, การกินอาหารสีดำ (บะหมี่ดำ หรือ จาจังมยอน)
ประมาณ
เมษายน พฤษภาคม

วันวิสาขบูชา (ซอกคาทันชินอิล)
-                   วันสำคัญทางศาสนา ที่มีการทำบุญ และการแขวนโคมไฟตอนหัวค่ำ ที่ลานวัดต่างๆ ในแต่ละเมือง
พฤษภาคม
1
วันแรงงาน (กึลโรจาเอนัล)
แม้จะไม่ใช่วันหยุดประจำชาติ แต่ธนาคารและบริษัทต่างๆ จะปิดทำการ
5
วันเด็ก (ออรินอีนัล)
บรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะพาบุตรหลานของตน ไปเที่ยว และทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ สนามเด็กเล่น สวนสนุก สวนสัตว์ หรือไปดูภาพยนตร์ เพื่อให้เด็กสนุกสนานเพลิดเพลิน
8
วันบุพการี (ออบออีเอนัล)
วันที่บุตรธิดา จะแสดงความรักและความเคารพต่อบุพการี
14
Rose Day
คู่รักจะมอบดอกกุหลาบให้แก่กันในวันนี้
21
Lover Day
วันที่คู่รัก / คู่สามีภรรยา กลับมาทบทวนความรักที่มีให้กัน โดยนัดไปทานข้าว และมอบดอกไม้ ของขวัญให้แก่กัน
มิถุนายน
6
วันรำลึกถึงวีรชนแห่งชาติ (ฮยอนชุงอิล)
จัดเพื่อเป็นเกียรติให้กับทหาร และพลเรือนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ โดยจะมีพิธีจัดขึ้นที่สุสานแห่งชาติในกรุงโซล
14
Kiss Day
วันที่ให้จูบกับคู่รัก เพื่อเติมความโรแมนติกในหน้าร้อน
กรกฎาคม
14
Silver Day
วันที่คู่รักมอบของขวัญที่ทำด้วยเงินให้แก่กัน เช่น แหวน, สร้อย
17
วันรัฐธรรมนูญ (เชฮอนจอล)
วันระลึกถึงการประกาศรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 1948

สิงหาคม
14
Green Day
วันที่คู่รักจะแต่งกายด้วยชุดสีเขียว และทำกิจกรรมเกี่ยวกับสีเขียว เช่น เที่ยวป่า เที่ยวสวน
15
วันฉลองอิสรภาพ (กวางบกจอล)
วันระลึกถึง วันที่ญี่ปุ่นยอมรับข้อตกลงฝ่ายพันธมิตรในการยอมแพ้ และทำให้ประเทศเกาหลีใต้
   เป็นอิสรภาพ ในปี ค.ศ. 1945
กันยายน
14
Photo Day
วันที่คู่รักจะถ่ายรูปด้วยกัน แล้วก็เก็บเอาไว้คนละใบ
ประมาณ
กันยายน ตุลาคม

วันคล้ายวันขอบคุณพระเจ้า (ชูซก)
วันคล้ายวันขอบคุณพระเจ้าที่ประทานความอุดมสมบูรณ์มาให้แก่โลกมนุษย์ เป็นวันหยุดยาว ประมาณ 3 วัน โดยชาวเกาหลีจะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อไปเยี่ยมครอบครัว
ตุลาคม
3
วันสถาปนาประเทศ (แกชอนจอล)
วันระลึกถึงการก่อตั้งประเทศของเกาหลีใต้ ในปี ค.ศ. 2333 ก่อนคริสตกาล
9
วันภาษาเกาหลี (ฮันกึลนัล)
วันที่ระลึกถึงการประกาศใช้อักษรเกาหลี
14
Wine Day
จะฉลองด้วยการดื่ม Traditional Korean Wine ระหว่างปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติ

พฤศจิกายน
11
วันแปแปโร
วันที่เด็กๆ หนุ่มสาว และบุคคลต่างๆ ที่มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ต่างมอบขนมแปแปโรให้แก่กัน
   (แปแปโร คือ ขนมของเกาหลี คล้ายๆป็อกกี้ นั่นเอง)
14
Movie Day
วันที่คู่รักต้องไปดูหนังด้วยกัน หรืออาจซื้อ/เช่าหนังมาดูด้วยกันที่บ้านก็ได้
ธันวาคม
14
Hug Day
วันที่คู่รักจะกอดกันให้อบอุ่น คลายหนาวจากลมหนาวและหิมะที่เข้ามาเยือน

25
Christmas Day (ซองทันจอล)
เทศกาลคริสต์มาส ที่ถือเป็นวันหยุดสากลเช่นเดียวกันกับหลายๆ ประเทศ